วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี


ตั้งอยู่ที่ถนนปราจีนอนุสรณ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดปราจีนบุรี โทรศัพท์ 037-211-586 (หลังศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ทางเข้าอยู่ติดกับศาลจังหวัดปราจีนบุรี) เวลาทำการ 09.00 น. ถึง 16.00 น. ทุกวันเว้น (ปิด) วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ 30 บาท

พิกัด N14.04684 E101.37304

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดีประจำภูมิภาคตะวันออก จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงและรวบรวมศิลปะโบราณวัตถุ ซึ่งได้จากแหล่งโบราณคดีต่างๆในภาคตะวันออกและใกล้เคียง อาทิ ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ระยอง และนครนายก ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณคดีในภาคตะวันออก เริ่มต้นตั้งแต่การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว เรื่อยมาจนกระทั่งพุทธศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการจัดแสดงที่เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นสำคัญ

ครั้งนี้ผมชวนมาชมทับหลัง (LINTELS) เนื่องจากที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี มีทับหลังที่สวยงามและเก่าแก่อยู่หลายชิ้น ควรค่าแก่การชื่นชมและศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ทับหลังมีอยู่ 2 ประเภท คือ ทับหลังจริงและทับหลังประดับ ทับหลังจริง คือ ส่วนบนกรอบประตู ทำหน้าที่รับและถ่ายน้ำหนักของส่วนบนของอาคาร ให้น้ำหนักนั้นเฉลี่ยและถ่ายลงบนกรอบด้านข้างของกรอบประตู มีความยาวเกินด้านของกรอบเสาประตูแนวตั้งออกมา และส่วนที่เกินนี้จะอยู่เข้าไปในผนังอาคาร

ทับหลังประดับ คือ แท่งหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สลักลวดลายประดับในรูปแบบต่างๆ โดยที่วางเกี่ยวอยู่บนส่วนหนึ่งของทับหลังจริง ความยาวของทับหลังประดับอาจยาวเกินกรอบประตูออกมาทั้งสองข้างเช่นเดียวกับทับหลังจริง ทับหลังประดับนี้จะวางประกบชนกับหินอีกชิ้นหนึ่งที่ทำเป็นวงโค้งถ่ายน้ำหนัก โดยที่ส่วนหน้าของทับหลังประดับ จะยื่นเกินกรอบประตูออกมา และส่วนที่ยื่นมานี้จะมีเสาประดับกรอบประตูค้ำอยู่บนผิวด้านนอกของทับหลังประดับ

ชิ้นที่ 1. ทับหลังปราสาทเขาน้อย ศิลปะเขมรแบบไพรกเมง อายุประมาณ พ.ศ.1180-1250

ทับหลังชิ้นนี้เป็นหนึ่งในจำนวนทับหลังแบบไพรกเมง 2 ชิ้น ที่พบ ณ ปราสาทเขาน้อย (ตั้งอยู่บนยอดเขาน้อยสีชมพู หมู่ 1 บ้านคลองน้ำใส ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว  ห่างจากพรมแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 1 ก.ม.) ลักษณะโดยรวมมีวงโค้งวงเดียวขนาดใหญ่ ที่ปลายม้วนเข้าภายใน บนวงโค้งประกอบด้วยวงกลมรูปเหรียญ 3 วง เบื้องล่างมีอุบะดอกไม้บานสลับดอกไม้ตูมและพวงมาลัย เป็นลักษณะของศิลปะไพรกเมง นอกจากนี้ยังมีเทวดานั่งท่าชันเข่าประคองอัญชลีแทนที่มกร (มกร หรือ เบญจลักษณ์ เป็นสัตว์ตามความเชื่อของพม่า ล้านนา สยาม และเขมร เรียกอีกอย่างว่าตัวสำรอก เนื่องจากในงานศิลปะ มกรมักจะคายหรือสำรอกเอาวัตถุใดๆ ออกมาทุกครั้ง เช่น มกรคายนาค (พญานาค)) ที่อยู่บนฐานที่ปลายวงโค้งทั้งสองด้าน เทวดานี้มีลักษณะแบบเทวดานั่งชันเข่าจากปราสาทวัดประหาร และเทวดาประนมอัญชลี จากปราสาทตวลบาเสท ประเทศกัมพูชา มาประกอบกัน แต่น่าสังเกตว่าเทวดาจากเขาน้อยมีเกศาขมวดก้นหอย ซึ่งเป็นลักษณะค่อนข้างแปลก ลายที่ประดับอยู่หน้าฐานที่รองรับเทวดาประกอบด้วยวงโค้ง 3 วง และดอกไม้บานก็ดูจะเป็นของที่ไม่พบในประเทศกัมพูชา ส่วนแถวลายใบไม้ม้วนที่เป็นแนวเชื่อมระหว่างฐาน 2 ข้างใต้ลายพวงอุบะนั้น เป็นลายที่พัฒนามาจากลายเดียวกันที่อยู่บนทับหลังแบบสมโบร์ไพกุก ชิ้นที่พบที่ปรางค์องค์กลางของปราสาทแห่งนี้

ชิ้นที่ 2. ทับหลังปราสาทเขาน้อย ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก ตอนปลายร่วมต้นสมัยศิลปะไพรกเมง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12

ทับหลังสองชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก แต่ถ้าจะดูในรายละเอียดจะเห็นลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้าง เป็นต้นว่าลายค่อนข้างจะแข็งกระด้าง ที่ปากมกรแทนที่จะมีสิงห์โผล่ออกมาตามปรกติ กลับกลายเป็นหงส์แทน ภายในวงกลมรูปเหรียญแทนที่จะมีรูปช้างและม้า กลับการเป็นหงส์ทั้ง 3 วง โดยที่วงกลมตรงกลางหงส์จะหันหน้าตรง ส่วนวงข้างหงส์จะหันหัวเข้ามองเห็นด้านข้าง ใบไม้รอบวงรูปเหรียญมีลักษณะลายยืดออก ภายในวงโค้งประดับด้วยดอกไม้ 6 กลีบ ซึ่งลายดอกไม้ 6 กลีบนี้จะต่างกับลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนในวงโค้งของทับหลัง อีกชิ้นหนึ่งที่ปลายอุบะที่เสี้ยวมีลายดอกไม้ 5 กลีบ ที่มีลักษณะตามแบบศิลปะสมโบร์ ไพรกเมง สำหรับลายดอกไม้ 5 กลีบที่ปลายอุบะนี้ ยังคงทำตามประเพณีแบบสมโบร์ไพรกุก มากกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี

ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์






ทับหลัง ชิ้นที่ 1.




ทับหลัง ชิ้นที่ 2.



พระพุทธรูปนาคปรก ศิลปเขมรแบบบายน อายุประมาณ พ.ศ.1720-1773