วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นอนแพ แช่น้ำเขื่อนศรีฯ

12 กรกฎาคม 2557

ทริปนี้พาไปนอนแพเล่นน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ที่ "ห้วยขาแข้งริเวอร์แค้มป์" หรือ "แพน้ำเอ่อ" ตั้งอยู่ที่ ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ ใกล้กับหน่วยพิทักษ์ป่า ศร.9 (ไกรเกรียง) สมาชิกก็หน้าเดิมๆครับ

Cr: Pougun Sirisomboon
เขื่อนศรีนครินทร์ (ชื่อเดิมเขื่อนเจ้าเณร) เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้นบนแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็น เขื่อนแห่งที่ 8 ในจำนวน 17 แห่ง ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างขึ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์ทางด้านต่างๆ ตลอดจนช่วยพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของราษฎร และส่งเสริมให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม

ประเภทเขื่อน : เขื่อนหินทิ้งแบบมีแกนดินเหนียว 
(Rockfill Dam with Impervious Core)
ขนาด : สูง 140 เมตร ยาว 610 เมตร
ปีที่สร้างเสร็จ : 2523
ขนาดความจุอ่าง : 17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร 
กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า : 720,000 กิโลวัตต์
ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ปีละ : 1,250 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง

(ข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
แต่ช้าก่อน ทริปนี้คณะเราไม่ได้เข้าไปใกล้กับเขื่อนศรีนครินทร์เลย 
แม้ว่าแพน่ำเอ่อจะตั้งอยู่ในเขต อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี แต่การเดินทางทางบกต้องไปทาง
จังหวัดสุพรรณบุรีครับ เนื่องจากที่หมายอยู่ตอนบนสุดของอ่างเก็บน้ำ จุดสีแดงในแผนที่นั่นละครับ
แต่ถ้าจะเดินทางจากตัวเขื่อนศรีนครินทร์ด้วยเรือ อาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงครับ

แผนที่จาก www.numaer.com
ดูจากแผนที่ของแพน้ำเอ่อ ดูเหมือนไปง่ายๆครับ แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็นอย่างนี้ครับ

เริ่มจาก หอคอยบรรหาร จ.สุพรรณบุรี ออกไปทาง ดอนเจดีย์ > เลาขวัญ 

ด่านช้าง > ม่วงเฒ่า

ทุ่งมะกอก > ด่านตรวจอุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ (เขากระชาย) > แพน้ำเอ่อ

จากแยกบ้านทุ่งมะกอก ถึง แพน้ำเอ่อ เป็นทางดิน รวมระยะทางประมาณ
20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

บ้านม่วงเฒ่า เป็นชุมชนใหญ่สุดท้ายที่แนะนำให้จอดซื้อหาเสบียงติดรถไปให้ครบ
จากจุดนี้ไปแล้วจะหาซื้อลำบาก ส่วนนักตกปลา ที่ม่วงเฒ่านี่มีร้านจำหน่าย
อุปกรณ์และเหยื่อตกปลาด้วยครับ จัดไปให้ครบเลยครับ

ก่อนออกจากบ้านม่วงเฒ่า จะเห็นเสาโทรศัพท์ของ AIS ต้นนี้เป็นต้นสุดท้าย
หลังจากนี้แล้วจะไม่มีสัญญานโทรศัพท์อีกแล้ว รวมถึงในน้ำเอ่อด้วย
ใครมีธุระกิจใดค้างอยู่ คุยซะให้เรียบร้อยในจุดนี้ครับ

แยกบ้านทุ่งมะกอก เราจะออกจากถนนดำเส้นนี้ตรงนี้ โดยขับตรงเข้าไปเลย
ถ้าขับตามโค้งขวาไปตามถนนจะไป ตะเพินคี่ พุเตย ครับ

ก็จะเริ่มเป็นถนนดินครับ ช่วงแรกๆจะมีสลับถนนปูนนิดหน่อยในช่วงที่เป็นทางชัน
คุณฝนก็โปรยปรายเป็นกำลังใจให้ตลอดทาง

ประมาณ 4-5 กิโลเมตร ก็จะถึงด่านตรวจอุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ (เขากระชาย)
ลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ด่านนี้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมครับ
หลังจากผ่านด่านนี้ไปก็ถือว่าเข้าเขตป่าละครับ

จากด่านฯประมาณ 7 กิโลเมตร จะเจอแยกนี้ ที่สังเกตุป้ายแพที่พักจำนวนมาก
ให้เลี้ยวซ้ายนะครับ ถ้าตรงไปจะไปบ้านน้ำพุ

ทางเริ่มแคบ สภาพถนนความยากระดับ 1-1.5 ดาวเท่านั้น
แต่ช่วงนี้หน้าฝน ดินนิ่ม รถเก๋งจะลำบากหน่อยครับ

จากแยกที่มีป้ายแพพักเยอะๆไปประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะถึงปากทางเข้าแพแล้วครับ
คุณฝนใจดีก็ยังตามมาส่งเราไม่ไปไหนซะที จัดการอาหารเที่ยง
ในเวลาประมาณบ่าย 2 โมง ท่ามกลางสายฝนครับ

กินข้าวเสร็จฝนก็หยุดตกพอดี ฟ้าเปิด สดใส ขนของลงแพกันดีกว่า

เมื่อสมาชิกพร้อมสัมภาระพร้อมขนลงแพเรียบร้อย เขาก็จะลากแพเราออกไปประมาณ
1 กิโลเมตร แล้วผูกแพไว้ริมอ่างเก็บน้ำ ปล่อยเราไว้ตรงนี้ 3 วัน 2 คืน เพื่อให้เราได้สัมผัส
บรรยากาศ ผืนน้ำ ขุนเขา ธรรมชาติ และความสันโดด ตัดขาดโลกภายนอกทั้งปวงอย่าง
แท้จริง จึงต้องเตรียมอุปกรณ์ทุกชนิดไปให้พร้อมนะครับ เพราะจะไม่สามารถกลับไปเอา
ของที่รถได้จนถึงวันกลับเลยละครับ

 Cr. Apinya Chawaranggoon
สภาพความเป็นอยู่ 3 วัน 2 คืน คณะเรา 13 ชีวิต ติดอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขครับ

ไฟฟ้าไม่มี ไม่เป็นปัญหา โซล่าเรา เอามาเอง

 นอนบ้าง นั่งบ้าง ตามประสาคนไม่มีอะไรทำ

 เงียบ

 สงบ

 อย่างที่มันเป็นมาแต่ไหนแต่ไร

กิจกรรมหลักของที่นี่

 ท่าทางจะได้ตัวใหญ่ แต่คันเบ็ดไม่งอเลย

  ได้แล้ว ปลากะมัง

เช้าวันที่ 2 ตื่นขึ้นด้วยความสดชื่น

ภาพมุมกว้าง

ลุยแต่เช้าเลย

หนังสือ คือความบันเทิงที่นำมาด้วยได้ ที่แพไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ 
ไม่มีน้ำประปา มีเพียงไฟส่องสว่างจากโซล่าเซลเท่านั้นครับ
จึงเป็นทริปแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

ทริปนี้มีเมนูใหม่มานำเสนอ

ขอแนะนำ "เบรด ออมเล็ต" สไตล์อินเดีย... 
ช่วงนี้เชฟใหญ่เขาเตรียมตัวไปอินเดีย ^_^

สองหนุ่มอาบน้ำ สร้างกระแสน้ำอุ่นด้วยหรือปล่าวไม่รู้ 
เห็นบอกว่ามีสปาปลาด้วย ตอดกันยุบยิบ

สายๆวันนี้ มีกิจกรรมนั่งเรือไปชมอุโบสถสแตนเลส แห่งเดียวในโลก
นั่งเรือหางไปด้วยระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร

ขาไปแดดว่าแรงแล้ว ขากลับแรงยิ่งกว่า

เห็นลิบๆโน้นไง ใกล้ถึงแล้ว

วัดปากลำขาแข้ง

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ก็ทำด้วยสแตนเลสเช่นกัน สวยงามมาก

อุโบสถสแตนเลส หนึ่งเดียวในโลก

หลังไม่ใหญ่มาก สแตนเลสทั้งหลัง ทั้งข้างนอกและข้างใน

ช่วงเที่ยงคณะเราก็กลับถึงแพที่พัก ต่างก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย

ตกปลากันต่อ เหยื่อมีเป็นถัง ปั้นเหยื่อกันทั้งวัน

ช่วงเย็นมีบริการเสริมด้วย

ลากไปเที่ยวรอบนึง ก็เพลินดี

แดดร่มลมตก ก็ลงเล่นน้ำกัน

รุ่นสอง

คนนี้จะบิน

ท่าลงน้ำแต่ละคนนี่สุดยอด

สร้างสรรกันเต็มที่ 

ตกเย็นก็เป็นอาหารจานพิเศษ ปลากะมังทอดกรอบ
นั่งทำอยู่หน้าห้องส้วมกันเลย มิน่าละถึงกรอบอร่อย

เริ่มละ ปลากะมังทอดกรอบ โดยเชฟใหญ่ประจำคณะ

จัดการมื้อเย็นกันท่ามกลางสายฝน บรรยากาศเย็นฉ่ำ
แต่ก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่เราแต่อย่างใด

เช้าวันที่ 3 อากาศสดชื่นดีมาก

ยังมีคนติดใจ ขอลองสวิงใหม่หน่อย

จากปากทางเข้าแพ เลี้ยวซ้ายไปทางหน่วยฯ ศร.9 (ไกรเกรียง) เพียง 1 กิโลเมตร
ทางขวามือของถนน ก็จะพบกับน้ำตกนิรนาม (ที่จริงแล้วเป็นน้ำตกไม่มีชื่อครับ
เลยตั้งชื่อให้ซะเลย) แต่ผิดหวังเล็กน้อย น้ำตกกลายเป็นน้ำหยด

ภาพมุมกว้าง

งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา ขอปิดท้ายด้วยภาพน้ำตกเล็กๆริมทางภาพนี้ครับ


อยากบอกว่าข้างนอกยังมีอะไรอีกมากมายรอคุณอยู่ 
ไปเห็นด้วยตาคุณสิครับ ไปซะก่อนจะไม่มีแรงไป

ขอบคุณที่ติดตามชมครับ 
นายทัศนาจร ออนไลน์


พิกัด GPS
บ้านม่วงเฒ่า - N14.78146 E99.35555
แยกทุ่งมะกอก - N14.83944 E99.32559
ด่านตรวจ อช.เขื่อนศรี (เขากระชาย) - N14.87286 E99.29786
แยกน้ำเอ่อ-น้ำพุ - N14.91062 E99.25391
ปากทางเข้าแพน้ำเอ่อ - N14.94425 E99.19625
แพน้ำเอ่อ - N14.94493 E99.19471
จุดผูกแพ - N14.94730 E99.18630
วัดปากลำขาแข้ง (อุโบสถสแตนเลส) - N14.92556 E99.12194
น้ำตกนิรนาม - N14.95071 E99.19594