ตั้งอยู่ที่ถนนปราจีนอนุสรณ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฯ
จังหวัดปราจีนบุรี โทรศัพท์ 037-211-586 (หลังศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ทางเข้าอยู่ติดกับศาลจังหวัดปราจีนบุรี) เวลาทำการ 09.00 น. ถึง 16.00 น.
ทุกวันเว้น (ปิด) วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ
30 บาท
พิกัด N14.04684 E101.37304
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดีประจำภูมิภาคตะวันออก
จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงและรวบรวมศิลปะโบราณวัตถุ ซึ่งได้จากแหล่งโบราณคดีต่างๆในภาคตะวันออกและใกล้เคียง
อาทิ ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ระยอง
และนครนายก ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับโบราณคดีในภาคตะวันออก
เริ่มต้นตั้งแต่การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว
เรื่อยมาจนกระทั่งพุทธศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการจัดแสดงที่เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี
เป็นสำคัญ
ครั้งนี้ผมชวนมาชมทับหลัง (LINTELS) เนื่องจากที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรี มีทับหลังที่สวยงามและเก่าแก่อยู่หลายชิ้น ควรค่าแก่การชื่นชมและศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ทับหลังมีอยู่ 2 ประเภท คือ ทับหลังจริงและทับหลังประดับ
ทับหลังจริง คือ ส่วนบนกรอบประตู ทำหน้าที่รับและถ่ายน้ำหนักของส่วนบนของอาคาร
ให้น้ำหนักนั้นเฉลี่ยและถ่ายลงบนกรอบด้านข้างของกรอบประตู
มีความยาวเกินด้านของกรอบเสาประตูแนวตั้งออกมา
และส่วนที่เกินนี้จะอยู่เข้าไปในผนังอาคาร
ทับหลังประดับ คือ แท่งหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
สลักลวดลายประดับในรูปแบบต่างๆ โดยที่วางเกี่ยวอยู่บนส่วนหนึ่งของทับหลังจริง
ความยาวของทับหลังประดับอาจยาวเกินกรอบประตูออกมาทั้งสองข้างเช่นเดียวกับทับหลังจริง
ทับหลังประดับนี้จะวางประกบชนกับหินอีกชิ้นหนึ่งที่ทำเป็นวงโค้งถ่ายน้ำหนัก
โดยที่ส่วนหน้าของทับหลังประดับ จะยื่นเกินกรอบประตูออกมา
และส่วนที่ยื่นมานี้จะมีเสาประดับกรอบประตูค้ำอยู่บนผิวด้านนอกของทับหลังประดับ
ชิ้นที่ 1. ทับหลังปราสาทเขาน้อย ศิลปะเขมรแบบไพรกเมง
อายุประมาณ พ.ศ.1180-1250
ทับหลังชิ้นนี้เป็นหนึ่งในจำนวนทับหลังแบบไพรกเมง
2 ชิ้น ที่พบ ณ ปราสาทเขาน้อย (ตั้งอยู่บนยอดเขาน้อยสีชมพู หมู่ 1 บ้านคลองน้ำใส
ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ห่างจากพรมแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 1 ก.ม.) ลักษณะโดยรวมมีวงโค้งวงเดียวขนาดใหญ่
ที่ปลายม้วนเข้าภายใน บนวงโค้งประกอบด้วยวงกลมรูปเหรียญ 3 วง เบื้องล่างมีอุบะดอกไม้บานสลับดอกไม้ตูมและพวงมาลัย
เป็นลักษณะของศิลปะไพรกเมง นอกจากนี้ยังมีเทวดานั่งท่าชันเข่าประคองอัญชลีแทนที่มกร
(มกร หรือ เบญจลักษณ์ เป็นสัตว์ตามความเชื่อของพม่า ล้านนา สยาม และเขมร
เรียกอีกอย่างว่าตัวสำรอก เนื่องจากในงานศิลปะ มกรมักจะคายหรือสำรอกเอาวัตถุใดๆ
ออกมาทุกครั้ง เช่น มกรคายนาค (พญานาค)) ที่อยู่บนฐานที่ปลายวงโค้งทั้งสองด้าน
เทวดานี้มีลักษณะแบบเทวดานั่งชันเข่าจากปราสาทวัดประหาร และเทวดาประนมอัญชลี จากปราสาทตวลบาเสท
ประเทศกัมพูชา มาประกอบกัน แต่น่าสังเกตว่าเทวดาจากเขาน้อยมีเกศาขมวดก้นหอย ซึ่งเป็นลักษณะค่อนข้างแปลก
ลายที่ประดับอยู่หน้าฐานที่รองรับเทวดาประกอบด้วยวงโค้ง 3 วง
และดอกไม้บานก็ดูจะเป็นของที่ไม่พบในประเทศกัมพูชา ส่วนแถวลายใบไม้ม้วนที่เป็นแนวเชื่อมระหว่างฐาน
2 ข้างใต้ลายพวงอุบะนั้น
เป็นลายที่พัฒนามาจากลายเดียวกันที่อยู่บนทับหลังแบบสมโบร์ไพกุก
ชิ้นที่พบที่ปรางค์องค์กลางของปราสาทแห่งนี้
ชิ้นที่ 2. ทับหลังปราสาทเขาน้อย ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก
ตอนปลายร่วมต้นสมัยศิลปะไพรกเมง ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12
ทับหลังสองชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก
แต่ถ้าจะดูในรายละเอียดจะเห็นลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้าง
เป็นต้นว่าลายค่อนข้างจะแข็งกระด้าง ที่ปากมกรแทนที่จะมีสิงห์โผล่ออกมาตามปรกติ
กลับกลายเป็นหงส์แทน ภายในวงกลมรูปเหรียญแทนที่จะมีรูปช้างและม้า
กลับการเป็นหงส์ทั้ง 3 วง โดยที่วงกลมตรงกลางหงส์จะหันหน้าตรง
ส่วนวงข้างหงส์จะหันหัวเข้ามองเห็นด้านข้าง ใบไม้รอบวงรูปเหรียญมีลักษณะลายยืดออก
ภายในวงโค้งประดับด้วยดอกไม้ 6 กลีบ ซึ่งลายดอกไม้ 6 กลีบนี้จะต่างกับลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนในวงโค้งของทับหลัง
อีกชิ้นหนึ่งที่ปลายอุบะที่เสี้ยวมีลายดอกไม้ 5 กลีบ ที่มีลักษณะตามแบบศิลปะสมโบร์
ไพรกเมง สำหรับลายดอกไม้ 5 กลีบที่ปลายอุบะนี้ ยังคงทำตามประเพณีแบบสมโบร์ไพรกุก มากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์
ขอบคุณข้อมูลจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์
ทับหลัง ชิ้นที่ 1. |
ทับหลัง ชิ้นที่ 2. |
พระพุทธรูปนาคปรก ศิลปเขมรแบบบายน อายุประมาณ พ.ศ.1720-1773 |