แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จ.เชียงใหม่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จ.เชียงใหม่ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดอยพะตี่โด่ ลุงใหญ่แห่งขุนเขา

ดอยพะตี่โด่-หมื่อก่าโด่ เป็นภาษาปกาเกอะญอ แปลว่า ดอยลุงใหญ่ ดอยป้าใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อ ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ กับ ต.ขุนยวมน้อย อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน

การเดินทางไปยังดอยพะตี่โด่-หมื่อก่าโด่
- (เส้นสีชมพู) เริ่มจากเชียงใหม่ลงไปทางใต้ใช้ ทล.108 เลี้ยวขวาเข้า ทล.1009 (ถนนขึ้นดอยอินทนนท์) เมื่อถึงด่านที่ 2 ของ อช.ดอยอินทนนท์ ให้เลี้ยวซ้ายใช้ ทล.1236 (สายอำเภอแม่แจ่ม-อำเภอขุนยวม) ผ่าน อ.แม่แจ่ม (เส้นสีแดงเข้ม) ผ่าน ต.แม่นาจร เลี้ยวซ้ายที่แยก บ้านปางเกี๊ยะ ต.แม่ศึก ไปตามทางถนนลูกลังสายบ้านปางเกี๊ยะ-บ้านแม่สะต๊อบ ถนนเส้นนี้จะสุดที่ทางขึ้นดอยฯ เส้นทางนี้ระยะทางประมาณ 141 กิโลเมตร

หมายเหตุ : เส้นทางนี้ไม่แนะนำให้เดินทางตอนกลางคืน เนื่องจากสภาพถนนนับจากด่านที่ 2 ของ อช.อินทนนท์แล้วจะแคบ สูงชัน โค้งเยอะ ซ้ายขาวสลับกันเป็นแหวลึก มืดสนิท ผู้ไม่ชำนาญเส้นทางหรือประสบการณ์การขับรถบนเขาสูงชันน้อยควรหลีกเลี่ยง ครับ

- (เส้นแดงอ่อน) จากจุดเริ่มต้นเดียวกันกับเส้นทางแรก ไม่เลี้ยวขึ้นดอยอินทนนท์ ยังคงใช้เส้นทาง 108 ผ่าน อ.ฮอด ใช้เส้น ทล.108 ไปเรื่อยๆจะไปบรรจบกับเส้นทางแรกที่ อ.แม่แจ่ม (เส้นแดงเข้ม) จากนั้นใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางแรก เส้นทางนี้ระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร

- (เส้นสีเหลือง) เริ่มจาก อ.ขุนยวม จ.เชียงราย ไปทางตะวันออกใช้ ทล.1236 (สายอำเภอแม่แจ่ม-อำเภอขุนยวม) เลี้ยวขวาที่แยกบ้านปางเกี๊ยะ เส้นทางนี้ระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร

พิกัด GPS ติดตามได้ตอนท้ายของเรื่องราวครับ



ดอยพะตี่โด่ เป็นดอยที่มีความสูงประมาณ 1,927 เมตร (ม.รทก.) สภาพพื้นที่เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติมีหน่วยต้นน้ำห้วยทรายเหลืองเป็นผู้ดูแล เขตดอยพะตี่โด่-หมื่อก่าโด่มีพืชพรรณไม้นานาชนิดอาศัยอยู่ โดยเฉพาะกุหลาบพันปีซึ่งมีจำนวนมากจะออกดอกในเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

กุหลาบพันปี สันนิษฐานว่ามาจากชื่อเรียกที่ผิดเพี้ยนมาจากคำว่า“กุหลาบพันปลี” เพราะว่าลักษณะของดอก สี คล้ายกับดอกกุหลาบ แต่มีปลีของดอกจำนวนมากจึงเรียกว่าดอกกุหลาบพันปลี  ต้นดอกกุหลาบพันปีมีวงศ์ชื่อ Ericaceae สกุลชือ Rhododendron (สกุลโรโดเดนดรอน หรือกุหลาบพันปี) ชื่อพฤกษศาสตร์ Rhododendron arboreum ถิ่นกำเนิดจากจีน, ตอนเหนือของอินเดีย, ภูฏาน, ศรีลังกา และภาคเหนือของประเทศไทย ต้นกุหลาบพันปีเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 12 เมตร ใบสีเขียวเข้มยาว 3-7 นิ้ว ดอกมีสีแดงหรือชมพู ดอกออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ดอกมีต่อมน้ำหวานอยู่ด้านใน จึงดึงดูดให้นกหลายชนิด เช่น นกกินปลี มาหากินในช่วงฤดูออกดอก ในประเทศไทยพบกุหลาบแดงต้นนี้ได้ตามดอยสูงทางภาคเหนือ



ขอบคุณ ภาพดอกกุหลาบพันปีและข้อมูลจาก อบต.แม่ศึก

ดอยพะตี่โด่ เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในทริปใหญ่ปลายปี 2556 ของผม โดยตั้งใจว่าอันดับแรกเราจะไปชมวิวทะเลหมอกที่ "ภูชี้เพ้อ" ในพื้นที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ใกล้กับทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ในระดับความสูง 1818 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ต้องผิดหวังเนื่องจากพาหนะของคณะเราไม่พร้อม ไม่สามารถตะตายขึ้นไปได้ จึงต้องถอนตัวไปนอนชมดอกบัวตอง ท่ามกลางอากาศอุณหภูมิเลขตัวเดียวแทน





การขึ้นไปชมดอยพะตี่โด่ เราใช้วิธีตั้งเต้นท์พักค้างแรมที่ "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋ง" ซึ่งอยู่ในเขต ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ แล้วตอนเช้ามืดค่อยขึ้นไปชมดอยพะตี่โด่



เส้นทางขึ้นดอยพะตี่โด่ จากโครงการหลวงไปจนสุดถนน ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร






 


ยังครับ ยังไม่ใช่ดอยพะตี่โด่ ที่เห็นในภาพเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเท้า นักท่องเที่ยวยังต้องเดินลงเนินเขาเล็กๆที่เห็นในภาพ แล้วเดินขึ้นเขาลูกด้านหลังทางขวามือไปอีก ระยะทางไปกลับก็น่าจะสัก 1 กิโลเมตรครับ ได้ยินระยะทางเช่นนั้น ผมจึงอาสาเฝ้าเนินเตี้ยๆนี้ทันที ^_^ ปล่อยให้ตัวจริงเขาไปกัน

ยอดดอยพะตี่โด่

ทีมบางพลี (ภาพโดย Apinya Chawaranggoon)

ทีมสาทร (ภาพโดย Apinya Chawaranggoon)
ไอ้หนุ่มพันมือ ^_^ (ภาพโดย Apinya Chawaranggoon)
หลังจากชมดอยพะตี่โด่ จนตะวันขึ้นแจ่มฟ้าแล้ว จึงได้เวลากลับที่พักกัน เก็บสัมภาระเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป ขากลับนี้ผมออกทาง อ.ขุนยวม มุ่งลงใต้ไป พักค้างอีกสักคืนที่ อ.แม่สะเรียง รุ่งเช้าบางส่วนกลับเข้ากรุงเทพฯ บางส่วนไปล่องเรือแม่น้ำสาละวินกันก่อนค่อยกลับบ้าน เสร็จสิ้นภาระกินทริปนี้ด้วยระยะทาง 2,213 กิโลเมตรครับ




ขุนเขา ทะเลหมอก และดวงอาทิตย์ ดูกี่ที กี่ครั้ง ก็ยังประทับใจครับ

ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์


พิกัด GPS
แยกทล. 1009-108 : N18.43278 E98.68392
แยกทล. 1192-1009 : N18.52595 E98.49917
โครงการหลวงบ้านปางอุ๋ง : N18.78375 E98.15941
แยกบ้านปางเกี๊ยะ : N18.78828 E98.15399
หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยทรายเหลือง : N18.74878 E98.13135
ทางขึ้นพะตี่โด่ : N18.73982 E98.12560
ห้องน้ำ : N18.74953 E98.11826
สุดถนน-จอดรถ : N18.75633 E98.11859


วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด)

1 ธันวาคม 2551


คนเกิดปีมะเส็ง (งูเล็ก) พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ชาวล้านนาเชื่อว่าต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยขจัดความทุกข์ได้ จึงมีประเพณีถวายไม้ค้ำโพธิ์ การบูชาพระศรีมหาโพธิที่พุทธคยา สามารถบูชาต้นโพธิ์ที่วัดมหาโพธาราม เชียงใหม่ แทนได้ เนื่องจากพระเจ้าติโลกราชได้สดับพระธรรมเทศนา เรื่องอานิสงส์แห่งการปลูกต้นมหาโพธิ์จากสำนักสงฆ์ลังกาวงศ์ ก็ทรงเลื่อมใสและมีรับสั่งให้พิจารณาหาสถานที่ที่เหมาะสมและได้ทรงสร้างพระอารามขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.1998 ทรงได้หน่อพระศรีมหาโพธิ์จากคณะสงฆ์ที่ไปยังเมืองลังกา จึงโปรดให้นำมาปลูกไว้ในอารามที่สร้างขึ้นใหม่ เหตุที่มีหน่อมหาโพธิ์ปลูกไว้ อารามแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า "วัดมหาโพธาราม" และต่อมาได้เลื่อนชั้นเป็นวัดอารามหลวงจึงใช้ชื่อว่า “วัดโพธารามมหาวิหาร”

วัดนี้ในภายหลังคนทั่วไปเรียกว่า “วัดเจดีย์เจ็ดยอด” หรือ “วัดเจ็ดยอด” ซึ่งเรียกตามลักษณะเครื่องยอดส่วนบนหลังคาพระวิหารโบราณที่ปรากฏมาแต่เดิมในวัดนี้ โดยก่อสร้างเป็นพระสถูปเจดีย์ มีจำนวนเจ็ดยอดด้วยกัน

พระเจ้าติโลกราช ยังได้ทรงโปรดให้จำลองสัตตมหาสถาน คือสถานที่ 7 แห่งที่พระพุทธเจ้าได้เสวยวิมุตติสุขก่อนเผยแผ่ศาสนา ได้แก่

ปฐมโพธิบัลลังก์ คือต้นโพธิ์ที่ประทับตรัสรู้
อนิมิตเจดีย์ คือที่ที่พระพุทธเจ้าประทับทอดพระเนตรต้นโพธิ์หลังตรัสรู้
รัตนจงกลมเจดีย์ คือที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดินจงกลม 7 วัน
รัตนฆรเจดีย์ คือที่ที่พระพุทธเจ้าพิจารณาพระอภิธรรม
อชปาลนิโครธเจดีย์ คือต้นไทรที่พระพุทธเจ้าประทับ
มุจลินทเจดีย์ คือที่ที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นจิก ใกล้สระมุจลินท์
ราชายตนเจดีย์ คือต้นเกตุที่พระพุทธเจ้าประทับ

พ.ศ.1998 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงสร้างวัดโพธารามมหาวิหาร สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น เจดีย์ประธานของวัดจำลองแบบจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย วัดโพธารามมหาวิหาร ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2481 ทำพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2487 เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2521 ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ.2020 พระเจ้าติโลกราชโปรดให้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์การจัดประชุมทางวิชาการครั้งใหญ่ของพระสงฆ์ในล้านนา โดยโปรดฯ ให้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นที่วัดเจ็ดยอด มีพระธรรมทินมหาเถร เป็นประธานทำการสังคายนาอยู่ 1 ปี จึงเสร็จ ถือเป็นการทำสังคายนาครั้งที่ 8 ของโลก และเป็นครั้งแรกในสยามประเทศ ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศให้ วัดโพธารามมหาวิหาร เป็นโบราณสถานสำหรับชาติ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478



พิกัด : N18.80796 E98.97159

ขอบคุณที่ติดตามชม
ทัศนาจร



ขอบคุณข้อมูล 














วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พิพิธภัณฑ์ชาวเขา




พิพิธภัณฑ์ชาวเขา ตั้งอยู่บริเวณสวนล้านนา ร.9 ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300 โทรศัพท์ 0-5321-0872 โทรสาร 0-5321-0872   เปิดทำการเวลา  09.00 น. - 16.00 น. ตามวันเวลาราชการ (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

พิพิธภัณฑ์ชาวเขา ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2508 มีฐานะเป็นฝ่ายหนึ่งของศูนย์วิจัยชาวเขา กองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย (ภายหลังได้รับการยกฐานะเป็นสถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ จากนั้นถูกตัดโอนมาสังกัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม) และหลังสุดอยู่ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ในการกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัดเชียงใหม่)

การดำเนินงานที่พิพิธภัณฑ์ชาวเขา ได้รวบรวมวัตถุสิ่งของเครื่องใช้และภาพถ่ายต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นวิถีชีวิตในสังคมวัฒนธรรมของชาวเขารวม 9 เผ่า ได้แก่ กะเหรี่ยง แม้ว เย้า อีก้อ ลีซอ มูเซอ ถิ่น ขมุ และ ลัวะ ซึ่งเครื่องมือเครื่องใช้ในกระบวนการประกอบอาชีพบนพื้นฐานของสังคมเกษตรเพื่อการยังชีพหรือกึ่งยังชีพ เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัญชาติญาณและภูมิปัญญาของมนุษย์ในการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทั้งกายภาพและทางสังคม เพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ วัตถุศิลป์เกี่ยวกับคติความเชื่อหรือจักวาลวิทยาของแต่ละเผ่าที่มีความหลายหลาย และหลายชิ้นมีคุณค่าสูงในเชิงวัตถุโบราณและศิลปกรรม เช่น ภาพชุดเทพยดาที่ปกครองจักรวาลของเย้าวาดด้วยสีฝุ่นมีอายุมากกว่า 100 ปี เป็นต้น วัตถุศิลป์ที่แสดงรูปลักษณะเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับของสตรีหลายรูปแบบที่งดงามแตกต่างกันไปตามทรรศนะความงามในแต่ละวัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์และแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรที่จะรังสรรค์ความงดงามให้แก่วัฒนธรรมทางสังคมมนุษย์ เครื่องประดับที่ทำด้วยโลหะเงินบางชิ้นมีความงดวามอย่างวิจิตรบรรจง มีคุณค่าอย่างยิ่งในทางศิลปกรรม วัตถุศิลป์เกี่ยวกับเครื่องดนตรีและการละเล่นรูปแบบต่าง ๆ ของชาวเขาแต่ละเผ่า รวมทั้งวัตถุศิลป์ทางด้านภาษาที่ปรากฏในรูปของตัวอักษรซึ่งมีใช้อยู่ในวัฒนธรรมของชาวเขาบางเผ่า


เป็นที่น่าเสียใจว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2554 ได้เกิดเหตุไฟไหม้พิพิธภัณฑ์ชาวเขาเชียงใหม่วอดเกือบทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 40 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ โดยเพลิงได้ไหม้ห้องเก็บภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงงานในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด

ข้อมูลข่าวเพิ่มเติม



พิกัด : N18.82151 E98.97450



ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
ทัศนาจร