แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จ.เพชรบูรณ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จ.เพชรบูรณ์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โบราณสถานเขาคลังนอก

โบราณสถานเขาคลังนอก


ตั้งอยู่ที่หมู่ 11 บ้านสระปรือ ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่นอกเมืองโบราณศรีเทพห่างออกไปจาก อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ ในปัจจุบันประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งผมเคยนำท่านไปชม อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ มาก่อนหน้านี้แล้ว

กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน  "เขาคลังนอก" เป็นโบราณสถานของชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 ซึ่งแต่เดิมก่อนการบูรณะมีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 120 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร และสูงประมาณ 70 เมตร ลักษณะคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมๆลูกหนึ่ง

โบราณสถานเขาคลังนอก เป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ในสมัยวัฒนธรรมทราวดี คาดว่าจะมีอายุประมาณ 1,200-1,300 ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่ามีลักษณะเป็นมหาสถูป มีฐานขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีขนาดความยาวฐานด้านละ 64 เมตร ก่อด้วยศิลาแลงที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ประดับตกแต่งฐานด้วยมุขหรืออาคารจำลองที่ยื่นออกมาเป็นซุ้ม อาคารจำลองมีขนาดต่างๆอยู่โดยรอบฐาน โบราณสถานเขาคลังนอกภายในทึบตัน มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน มีสถูปก่อด้วยอิฐตั้งอยู่ด้านบน ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วและซุ้มประตู สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุร่วมสมัยกับโบราณสถานเขาคลังใน ที่ตั้งอยู่ภายในเมือง คือ ราวพุทธศัตวรรษที่ 13 – 14 ถือได้ว่าเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์มากที่สุดในศาสนสถานที่ร่วมสมัยเดียวกัน

การเดินทาง ให้มุ่งหน้าอุทยานประวัติศาสตรศรีเทพไว้ก่อน อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ อยู่ห่างจาก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ตามทางหลวงฯหมายเลข 21 ลงมาทางใต้ประมาณ 130 กิโลเมตร (ถ้าไปจากกรุงเทพฯก็จะถึงก่อน อ.เมืองเพชรบูรณ์) ที่หลักกิโลเมตรที่ 102 ให้เลี้ยวเข้าทางหลวงฯหมายเลข 2211 ขับต่อไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตรศรีเทพครับ ให้ขับเลยทางเข้าต่อไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวเข้าถนน รพช.3217 เข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงโบราณสถานเขาคลังนอกแล้วละครับ 

ขอบคุณที่ติดตามชม สวัสดีครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์

พิกัด GPS : N15.48622 E101.14470











วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

พระพุทธมหาธรรมราชา จังหวัดเพชรบูรณ์



เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 จังหวัดเพชรบูรณ์  ร่วมกับประชาชนทุกหมู่เหล่า  ได้จัดสร้าง "พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช"  เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์  ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์  เพื่อเป็นองค์ประธาน  ประดิษฐาน ณ พุทธอุทยานเพชบุระ (ตรงข้ามสถาบันการพลศึกษา) ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดพระเกตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร  มีความหมายว่า

          1  หมายถึง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอกหนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
          1  หมายถึง  พระพุทธมหาธรรมราชา  ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก  เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์  เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
          9  หมายถึง  รัชกาลที่ 9  แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
          84 หมายถึง  วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

องค์พระฯ หน้าตัก 11.984 เมตร  สูง 16.5899  เมตร  สูงจากพื้นดิน 35 เมตร  หนักกว่า 45 ตัน  โดยเงินทุนในการก่อสร้างมาจากแรงศรัทธาของประชาชนต่อองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ  (ไม่รวมอาคารฐานและภูมิทัศน์) ได้ด้วยเงินบริจาคของประชาชนทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า 27 ล้านบาท โดยไม่ใช้งบประมาณจากทางราชการ  


และที่สุดแห่งมหามงคลคือ ในวันที่ 26 กันยายน 2554  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ปลายยอดจุลมงกุฎและเบิกพระเนตรองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ ณ พุทธอุทยานเพชบุระ จังหวัดเพชรบูรณ์

"พระพุทธมหาธรรมราชา" เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวเพชรบูรณ์เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสมัยลพบุรี  หล่อด้วยเนื้อทองสำริด  หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้วไม่มีฐาน  มีพุทธลักษณะพระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ  พระกรรณยาวย้อย  ที่พระเศียรทรงเทริด  หรือมีกระบังหน้าทรงสร้อยพระศอพาหุรัดและรัดประคต  เป็นลวดลายสร้างขึ้นเมื่อไรไม่ปรากฏชัดเจน  แต่จากพุทธลักษณะที่ปรากฏมีความสอดคล้องพระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะขอมที่พบในประเทศระยะแรก(ราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 17  ซึ่งมีรูปแบบทางศิลปกรรมโดยรวมคือ  ประทับนั่งขัดสมาธิราบพระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม  พระเนตรมักจะเบิกอยู่เสมอท่อนบนของพระวรกายอาจจะเปลือยเปล่าหรือบางครั้งครองจีวรห่มคลุม  แต่ท่อนล่างจะใส่สบง  สำหรับสบงนั้นทำเป็นขอบนูนขึ้นมาที่บั้นพระองค์  ซึ่งบางครั้งก็ทำเป็นรัดประคตคาดอยู่  เครื่องทรงประกอบด้วยกระบังหน้าเป็นลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน  รัดเกล้าเป็นรูปกรวยอยู่เหนือพระเศียร ทรงกรองศอแผงมี อุบะห้อย  ทรงกุณฑลเป็นตุ้ม  ส่วนพาหุรัดทรงกรและทองพระบาทอาจมีหรือไม่มีก็ได้  สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัย "พระเจ้าชัยวรมันที่ 7" กษัตริย์แห่งอาณาจักรขอม  



ขอบคุณที่ติดตามชมและสวัสดี
นายทัศนาจร ออนไลน์

ขอบคุณข้อมูลจาก อบจ.จังหวัดเพชรบูรณ์

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์


อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

ชื่อเมืองศรีเทพ ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.2447 ในคราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์  สืบเนื่องจากทรงค้นพบชื่อนี้ในทำเนียบเก่าบอกรายชื่อหัวเมือง และในสมุดดำซึ่งเป็นต้นร่างกะระยะทางให้คนไปแจ้งข่าวการสิ้นรัชการที่ 2 ตามหัวเมืองต่างๆ มีเส้นทางหนึ่งไปทางเมืองสระบุรี เมืองชัยบาดาล เมืองศรีเทพ และเมืองเพชรบูรณ์ จึงตั้งสมมุติฐานว่า เมืองศรีเทพคงอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก ในคราวนั้นทรงสืบค้นพบว่า ศรีเทพ เป็นชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งเพิ่งจะมาเปลี่ยนชื่อในสมัยรัชการที่ 3 ทรงสันนิษฐานว่าชื่อเมืองศรีเทพที่วิเชียรบุรี มีต้นเค้ามาจากเมืองโบราณที่อยู่ทางใต้ลงมาราว 30 กิโลเมตร ซึ่งทางสำรวจพบวัตถุโบราณโบราณสถานต่างๆมากมาย จึงทรงเรียกเมืองโบราณแห่งนี้ว่า เมืองศรีเทพ นับได้ว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเรียกชื่อเมืองนี้ว่า เมืองศรีเทพ เป็นประองค์แรกและได้ใช้ชื่อนี้มาจนปัจจุบัน

เมืองศรีเทพ มีคูน้ำคันดินเป็นกำแพงเมืองล้อมรอบ พื้นที่ 2,889 ไร่ เมืองในมีเนื้อที่ประมาณ 1,300 ไร่ ลักษณะเป็นรูปเกือบกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีช่องประตูเมือง 6 ช่องทาง พื้นที่ภายในเป็นที่ราบลอนลูกคลื่น มีโบราณสถานราว 40 แห่ง มีสระน้ำและหนองน้ำกระจายอยู่ทั่วไป เมืองนอกมีเนื้อที่ประมาณ 1,589 ไร่ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าต่อออกไปทางด้านทิศตะวันออกของเมืองใน พื้นที่เป็นที่ราบมีช่องประตูเมือง 6 ช่องทาง มีสระน้ำอยู่ทั่วไปและมีโบราณสถานราว 54 แห่ง ส่วนนอกเมืองโบราณมีโบราณสถานอยู่ทั่วไปราว 50 แห่ง

โบราณสถานที่สำคัญ

เขาคลังใน : เป็นศาสนสถานประเภทวัดพุทธศาสนา มีกำแพงศิลาล้อมรอบ ชื่อโบราณสถานมีที่มาจากความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่เชื่อว่าเป็นคลังเก็บสิ่งของมีค่า หรือคลังอาวุธในสมัยโบราณ

อาคารประธานเป็นอาคารในศิลปะแบบทวาราวดี เช่นเดียวกันกับโบราณสถานที่วัดโขลง เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทิศตะวันออก ส่วนที่เหลืออยู่ทั้งหมดคือส่วนฐานก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ภายในก่อทึบตัน ที่ส่วนล่างของฐานยังเหลือภาพปูนปั้นประดับลายก้านขด รูปสัตว์ และคนแคระแบก กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 14 ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นสู่ชั้นบน ซึ่งยังเหลือปูนฉาบเป็นลานกว้าง มีร่องรอยว่าเดิมอาจมีสถูปประดิษฐานอยู่ทางทิศตะวันตก และวิหารขนาดเล็กอยู่ด้านหน้า แต่ปัจจุบันพังทลายไปเกือบจะไม่เหลือร่องรอย ภายในบริเวณวัดยังมีเจดีย์ราย วิหาร และอาคารขนาดเล็กหลายแห่ง

ปรางค์ศรีเทพ : เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ปราสาทประธานเป็นแบบศิลปะเขมร ส่วนบนก่อด้วยอิฐฐานเป็นศิลาแลงฉาบปูน ตั้งอยู่บนลานดินที่ก่อรอบด้วยศาลาแลงเป็นฐานสี่เหลี่ยมยกพื้นสูง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก สองข้างลานด้านหน้ามีบรรณาลัย 2 หลัง เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน มีทางเดินรูปกากบาทเรียกว่าสะพานนาค เชื่อมต่อระหว่างโคปุระหรือประตูทางเข้าด้านหน้า กับพื้นที่ส่วนล่างซึ่งมีทางเดินศิลาแลง และฐานอาคารประกอบพิธีกรรมอีกหลายแห่ง

จากการขุดค้นโบราณสถาน พบทวารบาลหินทรายสมัยบายน และชิ้นส่วนทับหลัง กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนกลีบขนุนที่ยังสลักไม่เสร็จ จึงสันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี้คงสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 และได้รับการซ่อมแซมแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนามหายานตามความนิยมในช่วงสมัยบายนของเขมรในต้นพุทธศตวรรษที่ 18 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

ปรางค์สองพี่น้อง : เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ปราสาทประธานเป็นแบบศิลปะเขมร ก่อด้วยอิฐ ฐานเป็นศิลาแลง ฉาบปูนทั้งองค์ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีปราสาทหลังเล็กที่สร้างเพิ่มขึ้นภายหลังตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน จึงเป็นที่มาของชื่อโบราณสถาน บริเวณหน้าปราสาทมีทางเดินและอาการประกอบพิธีกรรมต่างๆก่อด้วยศิลาแลงหลายหลัง ด้านหน้าสุดมีทางเดินรูปกากบาท และจากการขุดค้นโบราณสถานได้พบประติมากรรมรูปสุริยเทพ หรือพระอาทิตย์ ที่บริเวณทางเดินด้านนี้

การขุดค้นโบราณสถานพบทับหลังจำหลักรูป “อุมามเหศวร” ซึ่งปัจจุบันติดตั้งอยู่ที่ปราสาทหลังเล็ก มีลักษณะศิลปะแบบบาปวนนครวัด ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 และรูปเคารพได้แก้ โคนนทิ ฐานโยนี และศิวลึงค์ ถูกฝังไว้ในระดับใต้ฐานอาคาร จึงสันนิษฐานว่าแต่เดิมโบราณสถานแห่งนี้คงจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 ต่อมาอาจเปลี่ยนแปลงเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธมหายาน เช่นเดียวกับปรางค์ศรีเทพ ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 จึงได้มีการฝังรูปเคารพในศาสนาเดิมไว้ใต้ฐานอาคาร

อุทยานประวิติศาสตร์ศรีเทพ อยู่ในความดูแลของ สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม , มีวิทยากรนำชมอุทยานฯ บริการนำชมโบราณสถานรอบเมืองในด้วยรถไฟฟ้า

ที่ตั้ง : อยู่ในอำเภอศรีเทพ ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 107 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอวิเชียรบุรีประมาณ 25 กิโลเมตร นับจากสี่แยกทางหลวงหมายเลข 21 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 2211 (ก็คือสี่แยกวิเชียรบุรี ที่มีร้านไก่ย่างเยอะๆนั่นแหละครับ) มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอีก 7 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานประวิติศาสตร์ศรีเทพ

พิกัด :  ทางเข้าด้านศูนย์ข้อมูลฯ อุทยานประวิติศาสตร์ศรีเทพ (เมืองใน) N15.47403 E101.14639

ค่าธรรมเนียม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท, เปิดบริการทุกวันระหว่าง 08.00 – 16.30 น.

ข้อมูล : จากแผ่นพับของ อุทยานประวิติศาสตร์ศรีเทพ สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี

ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์

ปรางค์ศรีเทพ
เขาคลังใน

ปรางค์สองพี่น้อง