วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โบราณสถานเขาคลังนอก

โบราณสถานเขาคลังนอก


ตั้งอยู่ที่หมู่ 11 บ้านสระปรือ ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่นอกเมืองโบราณศรีเทพห่างออกไปจาก อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ ในปัจจุบันประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งผมเคยนำท่านไปชม อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ มาก่อนหน้านี้แล้ว

กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน  "เขาคลังนอก" เป็นโบราณสถานของชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 ซึ่งแต่เดิมก่อนการบูรณะมีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 120 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร และสูงประมาณ 70 เมตร ลักษณะคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมๆลูกหนึ่ง

โบราณสถานเขาคลังนอก เป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ในสมัยวัฒนธรรมทราวดี คาดว่าจะมีอายุประมาณ 1,200-1,300 ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่ามีลักษณะเป็นมหาสถูป มีฐานขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีขนาดความยาวฐานด้านละ 64 เมตร ก่อด้วยศิลาแลงที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ประดับตกแต่งฐานด้วยมุขหรืออาคารจำลองที่ยื่นออกมาเป็นซุ้ม อาคารจำลองมีขนาดต่างๆอยู่โดยรอบฐาน โบราณสถานเขาคลังนอกภายในทึบตัน มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน มีสถูปก่อด้วยอิฐตั้งอยู่ด้านบน ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วและซุ้มประตู สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุร่วมสมัยกับโบราณสถานเขาคลังใน ที่ตั้งอยู่ภายในเมือง คือ ราวพุทธศัตวรรษที่ 13 – 14 ถือได้ว่าเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์มากที่สุดในศาสนสถานที่ร่วมสมัยเดียวกัน

การเดินทาง ให้มุ่งหน้าอุทยานประวัติศาสตรศรีเทพไว้ก่อน อุทยานประวัติศาสตรศรีเทพ อยู่ห่างจาก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ตามทางหลวงฯหมายเลข 21 ลงมาทางใต้ประมาณ 130 กิโลเมตร (ถ้าไปจากกรุงเทพฯก็จะถึงก่อน อ.เมืองเพชรบูรณ์) ที่หลักกิโลเมตรที่ 102 ให้เลี้ยวเข้าทางหลวงฯหมายเลข 2211 ขับต่อไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตรศรีเทพครับ ให้ขับเลยทางเข้าต่อไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวเข้าถนน รพช.3217 เข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงโบราณสถานเขาคลังนอกแล้วละครับ 

ขอบคุณที่ติดตามชม สวัสดีครับ
นายทัศนาจร ออนไลน์

พิกัด GPS : N15.48622 E101.14470











วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ แห่งวัดพระธาตุหนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี

12 กันยายน 2557

เชื่อกันว่าหากได้นมัสการพระธาตุประจำปีเกิดของตนเอง จะทำให้เกิดสิริมงคลกับชีวิต ซึ่งตามความเชื่อของชาวล้านนา พระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็งก็คือ “โพธิบัลลังก์ วิหารมหาโพธิเจดีย์” รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย แต่เนื่องจากสถานที่ประดิษฐานโพธิบัลลังก์อยู่ไกล จึงอนุโลมให้เป็นพระเจดีย์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

ถ้าอยู่ภาคเหนือก็ให้นึกถึง “มหาเจดีย์พุทธคยา” แห่ง "วัดโพธารามมหาวิหาร" หรือวัดเจ็ดยอด ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่  วัดเจดีย์เจ็ดยอด หรือ วัดเจ็ดยอด หรือ วัดโพธารามมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1998 ด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น มีลักษณะคล้ายกับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยาในประเทศอินเดีย

ถ้าอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ให้นึกถึง "พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์" แห่ง "วัดพระธาตุหนองบัว" ซึ่งเป็นวัดราษฎร์ นิกายธรรมยุต ตั้งอยู่ตำบลในเมือง  อำเภอในเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2498 มีพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่เศษ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500

พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นี้ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว ซึ่งทั้ง 4 มุม ของกำแพงแก้ว ได้ประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็กอีก 4 องค์ ภายในองค์พระธาตุมีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน

พระธาตุองค์เดิมมีขนาดกว้างด้านละ 5 เมตร สูงประมาณ 17 เมตร เมื่อสร้างใหม่ครอบองค์เจดีย์เดิม คือพระบรมธาตุที่เห็นในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่มาก ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 17 เมตร สูง 56 เมตร เสร็จสมบูรณ์ในปี 2512



















จะเป็นคนมะเส็งหรือไม่ไม่สำคัญ หากมีโอกาสผ่านไปเชียงใหม่หรืออุบลราชธานี ก็เชิญแวะนมัสการเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตด้วยนะครับ สำหรับตอนนี้ขอบคุณที่ติดตามชมครับ

นายทัศนาจร ออนไลน์

พิกัด GPS
วัดพระธาตุหนองบัว : N15.26304 E104.84016


วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ซัวซะเดย กัมปูเจีย

ซัวซะเดย กัมปูเจีย แปลว่า สวัสดี กัมพูชา ทริปวันแม่ปีนี้พวกเราไปเที่ยวกัมพูชากันครับ ผิดครับเราไม่ได้ไปชมปราสาทหินที่เสียมเรียบ แต่เราไป "จังหวัดสตึงแตรง" และ "จังหวัดมนฑลลคีรี" ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศกัมพูชาครับ

ตามธรรมเนียมคณะทัวร์ลงพุง เรามารู้จักที่หมายปลายทางกันสักเล็กน้อยครับ "กัมพูชา" มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ราชอาณาจักรกัมพูชา" เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย ทางเหนือของกัมพูชามีเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย 

สามเกลอ

จังหวัดสตึงแตรง หรือ สะตึงแตรง มีเมืองสตึงแตรง (ชื่อเมืองชื่อเดียวกันกับชื่อจังหวัด) เป็นเมืองเอก สตึงแตรงเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศกัมพูชา ติดกับแขวงจำปาสักของประเทศลาว เมืองเล็กๆแห่งนี้มีความสำคัญขึ้นมาทันทันทีที่มีการจัดตั้งด่านผ่านแดนถาวรสตรึงแตรง-จำปาสักขึ้น ในแต่ละวันนักท่องเที่ยวจากดอนเดช หลี่ผี นับร้อยคนผ่านแดนมาจังหวัดนี้แล้วล่องต่อไปยังเสียมเรียบ หรือพนมเปญ 

จังหวัดมนฑลคีรี ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงพนมเปญ มีเมืองเสนมโนรม เป็นเมืองเอก จังหวัดมลฑลคีรีอยู่ในเขตที่ราบสูงตอนกลางของประเทศ สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 800 เมตร มีต้นสนขึ้นสวยงามมาก มีคนอาศัยอยู่ในจังหวัดนี้ไม่มาก เนื่องจากที่ราบมีน้อย อาณาเขตด้านตะวันออกติดกับประเทศเวียดนาม ด้านตะวันตกติดกับจังหวัดการ์ตี้ ด้านเหนือติดกับจังหวัดสตรึงแตรงและจังหวัดรัตนคีรี และด้านใต้ติดกับประเทศเวียดนาม 



10 สิงหาคม 2557

เรานัดกันออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 10 สิงหาคม 2557 โดยนัดพบกันแถววังน้อยในเวลา 13.00 น. เราหวังว่าช่วงเวลานั้นนักเดินทางจะได้ทะยอยออกจากเมืองกรุงไปมากโขแล้ว แต่พวกเราคิดผิด แต่ละคนกว่าจะฝ่ากองทัพรถยนต์มาจนถึงจุดนัดหมายได้ก็ช้าไปกว่าเวลานัดหมายเป็นชั่วโมง และคนที่มาเป็นคันสุดท้ายก็คือผมเอง ^_^ กินอาหารกลางวันต่อนบ่ายๆอย่างเร่งรีบแล้วออกเดินทางต่อทันที แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง ขบวนเราทั้งสามคันไม่สามารถทำความเร็วได้เลย ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ขาออก ทุกช่องทางเต็มไปด้วยกองทัพรถยนต์ที่คืบคลานไปอย่างช้าๆ นี่แค่วังน้อยมันก็ขนาดนี้แล้ว แล้วแถวแก่งคอย ลำตะคองจะขนาดไหน ท่าทางจะไม่ดีเสียแล้ว พวกเราจึงมีมติเห็นควรออกจากทางหลักนี้ดีกว่า 

ว่าแล้วก็อาศัยเพื่อนเก่า Nuvi ที่มีอายุปาเข้าไป 7 ปีกว่าแล้ว ชี้ทางสว่างให้เราทั้ง 3 คัน กลับรถไปใช้พหลโยธินขาเข้า หาซอยเลี้ยวซ้ายเจาะทะลุไปหนองเสือ วกขึ้นเหนือเลียบคลองชลประทานไปออกอำเภอวิหารแดง ขึ้นทางหลวงหมายเลข 33 เลี้ยวขวามุ่งหน้าจังหวัดปราจีนบุรี พักใหญ่ๆก็เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาใหญ่ทางฝั่งใต้ข้ามเขาไปออกเขาใหญ่ฝั่งเหนือ เลี้ยวขวาเข้าเขตอณานิคมยุโรป (พวกเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) แวะพักกินข้าวเย็นกันก่อน แล้วเดินทางต่อผ่านเขาแผงม้าไปออกอำเภอวังน้ำเขียว เลี้ยวซ้ายขึ้นทางหลวงสาย 304 มุ่งหน้าไปอำเภอปักธงชัย แล้วเลี้ยวขาขึ้นทางหลวงหมายเลข 24 ตรงยาวไปจังหวัดสุรินทร์ แวะพักนอนที่จังหวัดสุรินทร์เป็นคืนแรก 

เส้นทางทั้งหมดที่ว่ามานี้ผมใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 13 ชั่วโมง !!!! ถึงสุรินทร์ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว :-( วันนี้จึงไม่มีกิจกรรมสันทนาการใดๆ ต่างคนต่างแยกย้ายไปเข้านอนโดยพลัน ครอกฟี้ zzZZ...

11 สิงหาคม 2557

04.30 น. โทรศัพท์ปลุกผมให้ลุกจากที่นอน อาบน้ำเก็บของ นัดกับพี่นวง (กิตติพล ศาลางาม ผจก.ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์) ผู้ที่จะเป็นคนนำทางเราเข้าไปในกัมพูชาทริปนี้ นัดกันไว้ที่หน้าสถานีรถไฟสุรินทร์เวลา 05.30 น. คิดจะไปกินเกาเหลาเลือดหมูอันลือชื่อของสุรินทร์ก็ต้องผิดหวังอีกแล้ว ร้านเขาเปิด 7 โมงเช้า เรามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างก็อดไปตามระเบียบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวก็หันเข้าหา 7-11 กันไปก่อนละกัน  

เดินทางถึงจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำเวลา 08.00 น. จัดการฝากรถไว้ที่ด่าน เสียค่าฝากรถ 100 บาท/วัน/คัน จากนั้นก็เริ่มพิธีการข้ามแดนกันครับ ช่วงเวลานี้คนไทยที่เป็นคนนอกพื้นที่ หากต้องการข้ามแดนไปฝั่งกัมพูชา คสช. ให้ใช้หนังสือเดินทางเท่านั้นครับ ไม่สามารถใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวได้  

ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย

ขั้นตอนปรกติของการข้ามแดน คือ การเขียนบัตรขาออก

ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็ผ่านพิธีการของฝั่งประเทศไทย
แล้วก็พากันข้ามไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศ
กัมพูชา ด่านทั้งสองฝั่งเปิด 07.00 น. ปิด 20.00 น.นะครับ

เขียนฝั่งไทยแล้ว ก็มาเขียนบัตรขาเข้าเมืองของด่าน
ตรวจคนเข้าเมืองฝั่งกัมพูชาบ้าง ถือโอกาส
สอนภาษาอังกฤษนายอินทร์ซะเลย ^_^

เสร็จแล้วครับ เสียค่าวีซ่าคนละ 100 บาท
คนที่ยืนชี้อยู่นั้น คือ พี่นวยครับ

ลูกชายดูเหนื่อยๆนะ

หลังด่านตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา
การข้ามแดนผ่านไปอย่างเรียบร้อยดี
เรากำลังจะเดินทางเข้ากัมพูชากันแล้ว

ใช้บริการรถตู้จากพนมเปญ จำนวน 2 คัน

ใช้เวลาผ่านพิธีการทั้งสองประเทศ 1 ชั่วโมงพอดี 
เวลา 9.00 น. พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ

 นั่งรถไปไม่ถึง 40 นาที รถก็จอดให้เรากินข้าวมื้อเช้ากึ่งเที่ยง ที่เมืองอัลลองเวง  

  แม้ว่าจะได้กินอาหารจาก 7-11 มาแล้ว แต่ก็กินกันได้อีก
มาเที่ยวแบบนี้กินได้ก็ให้กินไว้ก่อน ไม่รู้กาลข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

 ส่วนใหญ่ก็จะะกินก๋วยเตี๋ยว ข้าวก็มีครับ

อาหารมื้อนี้ ก๋วยเตียวเนื้อ หมู ข้าวผัด

 ขอลองเครื่องดื่มเพื่อให้กำลังานกันสักหน่อย สีจัดจ้านดีจัง

ซื้อซิมโทรศัพท์ฯไว้ใช้ต่อ Internet เป็นค่าย Smart บริษัทจากประเทศเวียดนาม
ก็ไม่ได้เลือกว่าจะซื้อค่ายไหนหรอกครับ พอดีคนขายเขาให้ค่ายนี้มา 
เบอร์โทรเบอร์อะไรก็ยังจำไม่ได้เลยครับ จำได้แค่ 4 ตัวท้าย 0009
ซิมราคา 5 USD เติมเงินเพิ่มอีก 2 USD รวมเป็น 7 USD ครับ 

 จากเมืองอลองเวง เรามุ่งหน้าไปชมปลาโลมา อิรวดี ที่ Preah Rumkel หรือ 
อัลลองเชอเตียง เรามาถึงประมาณ 14.30 น. ถนนหนทางก็มีขลุกขลักบ้าง

 ระดับน้ำขึ้นสูง ริมแม่น้ำถูกน้ำท่วมหมดเลย

เดินไปร้านอาหารริมน้ำกัน

 มีบริการลงเรือชมโลมา อิรวดี อย่างใกล้ชิดด้วยครับ 
แต่ที่สังเกตุเห็นว่าเรือไปตรงไหน ปลาโลมาจะไม่ขึ้น 
ผมว่านั่งดูอยู่บนฝั่งก็เห็นโลมาครับ ^_^

 ดูน่าจะสนุกดีครับ แต่ผมรอบนฝั่งดีกว่า กลัวเป็นลมเพราะหิวข้าว

โลมาอิรวดี หรือ โลมาหัวบาตร
Cr: Jinn Wirachsakul


จัดการมื้อเที่ยงกึ่งบ่ายเสร็จแล้ว เราก็ต้อง
รีบบึ่งรถไปลงแพที่เมืองสตึงแตรงกันต่อ

 การข้ามไปเมืองสตึงแตรง ขณะนี้ สิงหา 57 ยังต้องข้ามแพขนานยนต์ครับ 
ที่จริงสะพานทำเสร็จแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้ 
ได้ยินว่าต้องรอพิธีเปิดก่อน ?

แพลำใหญ่บรรทุกรถได้ประมาณ 6-7 คัน และจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง 
ที่จริงเรามาไม่ทันแพเที่ยวสุดท้ายครับ เที่ยวสุดท้ายออก 17.30 น. 
เรามาช้าไปประมาณ 20 นาที แต่เนื่องจากมีรถตกค้างหลาย
คัน เขาจึงยอมเพิ่มเที่ยวแพให้ แต่ขอเพิ่มเงินด้วย

 สามเกลอ หาเรื่องเที่ยว

 แพก็ล่องน้ำไปสักพัก แสงสุดท้ายทางตะวันตกก็เริ่มสิ้นแสงลง

ทางตะวันออกแสงจันทร์ก็เริ่มสาดแสงแรงขึ้น สร้างบรรยากาศที่สวยงาม

 มองไปทางใต้ที่เห็นสะพานลิบๆ นั่นละครับสะพานใหม่
ที่สร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่เปิดให้ใช้

 ขึ้นจากแพเราก็เลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลก็ถึงที่พักสำหรับวันนี้
เราพักกันที่นี่ Gold River Hotel ราคาห้องละ 20 USD
ผมได้ห้องชั้น 4 แอร์เย็นใช้ได้ น้ำแรงดีมาก

สรุปการเดินทางทั้งหมดของพวกเราในวันนี้ ระยะประมาณ 490 กิโลเมตร 
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง 50 นาที ยังดีที่ไม่ได้ขับเองทั้งหมด

12 สิงหาคม 2557

คณะสำรวจตลาดสดกลับมาแล้วตามเวลาที่นัดหมาย
เวลา 06.30 น. เราจะออกเดินทางไป "เมืองเสนมโนรม" จังหวัดมลฑลคีรี

ราคาน้ำมันที่สตึงแตรงวันนี้
ดีเซล ลิตรละ 1.24 USD เบนซิน ลิตรละ 1.19 USD

ร้านอาหารมื้อเช้าชานเมืองสตึงแตรง

แก้วกาแฟมอมแมมไปหน่อยครับ แต่รสชาติใช้ได้

ออกจากสตึงแตรงไม่นานถนนเริ่มเป็นทางดิน โยกเยกกันไปตลอดทางทาง
จอดให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำข้างทางเป็นระยะๆ

รถมอเตอร์ไซค์ที่นี่รับบทหนักจริงๆ ดูเหมือนเป็นไม้พยูง

นั่งกันเป็นชั้นๆ รถที่นี่แข็งแรงทนทานมาก

ที่นี่ใช้รถตู้เป็นรถโดยสารประจำทาง ขนได้ทุกอย่าง

ลองเพ่งดูคันนี้สิครับ ที่ท้ายรถบรรทุกอะไรได้บ้าง
อย่างน้อยก็มีมอเตอร์ไซค์ 1 คัน จักรยาน 1 คัน และของอีกเพียบ

ใกล้ถึงเสนมโนรมแล้ว ทางดีมาก ช่วงนี้วิวป่าสนสวยงาม

จนต้องลงมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

ถึงแล้วครับ เมืองเสนมโนรม จังหวัดมลฑลคีรี เป็นเมืองที่อยู่สูง
กว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 800 เมตร
จึงทำให้มีอากาศเย็นสดชื่นตลอดทั้งปี

วงเวียนรูปปั้นกูปรี หรือกรูเปรย หรือโคไพร นั่นเอง
เป็นสัญลักษณ์ที่โด่เด่นอยู่กลางเมือง

ตกลงเป็นร้านนี้ครับ อยู้หัวมุมวงเวียนรูปปั้นกูปรี
แต่ไม่รู้ชื่อร้านอะไร เนื่องจากไม่มีภาษาอังกฤษ

ของว่างรองท้องแถวๆนั้น

กินคู่กับกาแฟมลฑลคีรีอันลือชื่อ

อาหารเที่ยงที่เสนมโนรม

จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปน้ำตก บุดสรา หรือ บุสรา
น้ำตกขนาดใหญ่ที่เดินลงไปจากที่จอดรถเพียง 100 เมตรเท่านั้น

น้ำแรงมาก ปลดปล่อยละอองน้ำให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว 
ยั่วยวนใจให้สายรุ้งลงมากินน้ำ ดั่งในภาพ

จากน้ำตกบุสรา เราไปต่อกันที่จุดชมวิวบนเขา
มองเห็นเมืองเสนมโนรมได้ทั้งเมือง

หมดหน้าที่พระอาทิตย์ในวันนี้แล้ว

มื้อเย็นกันที่ร้าน Lion

หน้าตาอาหารเย็นของเรา

สรุปการเดินทางในวันนี้ ระยะทางประมาณ 408 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางรวม 11 ชั่วโมง 44 นาที

13 สิงหาคม 2557

ที่พักของพวกเราเมื่อคืนนี้ครับ ชื่อโรงแรม Oeurn Sakona Hotel 
ราคาห้องละ 20 USD แต่คุณภาพสู้โรงแรมที่ สตึงแตรงไม่ได้

ด้านหน้าโรงแรม มีเบอร์โทรศัพท์ด้วย

ราคาน้ำมันที่เสนมโนรม ในป้ายราคาเป็นเรียวครับ
เราแลกเงินได้ที่ 1 บา่ท = 126 เรียว
ดีเซลก็ตกลิตรละ 40 บาทกว่า

วันนี้เราต้องเดินทางกันไกลมาก จากชายแดนกัมพูชาด้านติดกับเวียดนาม
กลับไปที่ชายแดนกับพูชาด้านติดกับประเทศไทย แล้วเรายังต้องเดินทาง
เข้ากรุงเทพฯ กลับบ้านกันเลยโดยไม่พักนอนค้างคืนที่ไหนอีก ก่อนออกเดิน
ทางจึงต้องเตรียมสเบียงไว้ด้วย

บรรยากาศร้านกาแฟ สังเกตุการจัดที่นั่งเหมือนในโรงภาพยนต์

เราออกจากเมืองเสนมโนรม ขึ้นเหนือไปทางจังหวัดรัตนคีรี
สภาพถนนระหว่างทางช่วงนี้สวยงามดี

มีฝุ่นบ้าง แต่ทางแบบโหดร้ายก็มีครับ

แอบดีใจที่ไม่ขับรถมาเอง ไม่งั้นคงมีพังมี
หรือมีชิ้นส่วนหลุดกันบ้างละ

เที่ยงแล้ว แวะกินข้าวกลางวันกันดีกว่า
เป็นร้านเล็กๆข้างถนนแถวเมือง Lompat

ข้าวกับ "เนื้อเก้ง" ตากแห้งย่าง กินกับไข่ต้ม

ก๋วยเตียวก็มีครับ ดูจากสีหน้าแล้ว คงมีคำถามอยู่ในใจครับ 

ก๋วยเตี๋ยวไง แต่ลูกชิ้นอะไรไม่รู้ ^_^

งัดเอามาม่าที่เตรียมมาจากบ้าน ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์

ออกเดินทางกันพักใหญ่แวะเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำกันอีกครั้ง
แถวนี้คือเมือง Pong Moan ก่อนเข้าเมืองสตึงแตรง

ประลองกำลังกันหน่อย

เข้าใจว่าปั๊มนี้คงทำธุรกิจค้าไม้ด้วย

หนาเป็นคืบเลยนะครับนั่น

บ่าย 2 โมง เราก็มาถึงท่าแพเมืองสตึงแตรง แพที่เห็นเป็นลำเล็ก
พวกเราต้องรอแพลำใหญ่ถึงจะไปกันได้หมด

ระหว่างรอแพก็จัดไปครับ บาเก็ตร้านนี้ถูกใจมาก
ไม่ใส่ส้มตำ หมูยอล้วนๆ

หรือจะเป็นข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย

ทางช่วงนี้เรียบ ทำความเร็วได้ดี
สังเกตุได้ว่ารถคันผมขับคร่อมเลนตลอดเวลา

ก่อนเข้าเมืองอลองเวียง แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน
ก็เจอไทรตั้นคันนี้ ทำสีได้น่าสนใจมาก ได้ความว่าเจ้าของรถ
ก็คือเจ้าของปั๊มและเป็นทหาร ทักทายพวกเราด้วยภาษาไทยคล่องมาก

มีแม่ค้าเอาข้าวต้มมัดไส้หมูมาขาย ท่อนเท่าแขนแต่มีหมูนิดนึง
ที่อยู่รอบๆหมูเป็นถั่วเหลือบด รสชาติเหมือนขนมเทียนเลยครับ

แสงสุดท้ายในกัมพูชาของทริปนี้แล้วครับ
เราต้องรีบไปให้ทันเวลาด่านปิดในเวลา 20.00 น.
พวกเราถึงด่านเวลาประมาณ 19.35 น. ซึ่งก็ทันเวลา

สรุปการเดินทางในวันนี้ จากเมืองเสนมโนรม ถึง ด่านชายแดนเมืองอลองเวง
ด้วยระยะทางประมาณ 614 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง 12 นาที
แต่ภาระกิจของเรายังไม่สิ้นสุด ต้องเดินทางจากด่านฯช่องสะงำกลับบ้านกันอีก 530 กิโลเมตร

กาแฟและแก้วชงใบเล็ก ของที่ระลึกจากเมืองเสนมโนรม จังหวัดมลฑลคีรี
ขอบคุณ Apinya Chawaranggoon ที่ช่วยหาซื้อแก้วชงใบเล็กให้ครับ

แก้วชงใบใหญ่ จากเมืองสตึงแตรง


ระยะทางรวมทั้งหมดในทริปนี้ ตั้งแต่บ้าน > กัมพูชา >บ้าน
ด้วยระยะทาง 2,624.2 กิโลเมตร



ขอบคุณที่ติดตามชมรายงานการเดินทางในครั้งนี้ครับ พบกันในโอกาสต่อไป หวังว่าข้อมูลชุดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านไม่มากก็น้อย

ออกุนเจริญ
นายทัศนาจร ออนไลน์


พิกัด GPS

จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ : N14.34597 E104.05837
เมือง Anlong Veng : N14.23271 E104.08117
แยกเข้าเมือง Preah Vihear : N13.80297 E104.96791
แยกเข้า Preah Rumkel : N13.69253 E105.86544
Preah Rumkel ชมปลาโลมาอิรวดี : N13.92835 E105.94847
ท่าแพ Stung Treng ฝั่งตะวันตก : N13.54739 E105.95180
ท่าแพ Stung Treng ฝั่งตะวันออก : N13.53181 E105.97134
โรงแรม Gold River Hotel : N13.53139 E105.97341
ตลาดเช้า : N13.53045 E105.97103
ปั๊มน้ำมัน-ห้องน้ำ เมือง Kratie : N12.49403 E106.06590
SenMonorom ViewPoint ริมถนน : N12.39232 E107.18603
เมือง SenMonorom : N12.46015 E107.18575
โรงแรม Oeurn Sakona Hotel : N12.45823 E107.18785
SenMonorom ViewPoint บนเขา : N12.47256 E107.18687
Bousra Waterfall : N12.56643 E107.41713
ร้านอาหารที่เมือง Lompat : N13.49050 E106.98129
แยกเมือง Ratanakiri : N13.67499 E106.93583