วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 01 (หาดใหญ่-คาเมรอน ไฮแลนด์)

สวัสดีครับ ทริปนี้ผมตั้งชื่อว่า "ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู" เป็นทริปการขับรถยนต์ออกนอกประเทศอีกทริปหนึ่งของผม คราวนี้ลงใต้มากหน่อยและถือได้ว่าเป็นทริปมาราธอนก็ว่าได้ เพราะระยะทางตลอดทริปคาดเอาไว้ว่าน่าจะประมาณ 3,600 กม. ระยะทางที่แน่นอนจะเป็นเท่าไหร่นั้นต้องรอดูวันจบทริปตอนท้ายครับ

เที่ยวนี้ผมออกเดินทางแบบ one car show คือ เดินทางคันเดียว มีคนขับ 1 ผู้โดยสาร 3 รวมเป็น 4 ชีวิต ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก และเพื่อนลูกอีกคน กำหนดออกเดินทางวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2556 ว่าจะกลับถึงบ้านวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2556 วางแผนเดินทางช่วงนี้เพราะเป็นช่วงปิดเทอมกลางปีของลูกชายพอดี

โปรแกรมของผมวางไว้จะไปแวะและพักที่เมืองตามลำดับดังนี้
กรุงเทพฯ > ประจวบฯ > หาดใหญ่ > อิโปห์ (แวะไม่พัก) > คาเมลอนไฮแลนด์ > มะละกา > กัวลาลัมเปอร์ > เก็นติ้งไฮแลนด์ > จอร์ชทาวน์ > สุราษฎร์ > กรุงเทพฯ


มันเริ่มด้วยการพูดเล่นๆว่าเราขับรถไปเที่ยวมาเลเซียกันมั้ยเธอ แม่บ้านก็ดีใจหายไม่คัดค้านกันเลย วางแผนเรื่องข้อมูลอยู่ 2 เดือนกว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสารจริงๆครับ ถนนเส้นไหนไปไหนถ้าไม่รู้ก็ถามอากู๋เกิ้ลหรือจะส่องดูถนนจากอากู๋แมพได้เลย หาไปหามาปรากฏว่าได้ข้อมูลล้นทะลักกันเลยทีเดียว 

วางแผนจัดการกับภาระกิจการงาน ว่าแล้วก็สามารถเจียดเวลาไปเที่ยวได้แค่ 10 วัน (นี่ยังไม่รวมทริปปลายปีนะเออ 555) ก็ตกลงใจจัดทริปใหญ่ให้กับตัวเอง (อีกแล้ว) แต่ก็ไม่ทิ้งแนวทางของชีวิตที่ว่า ไปใกล้ไปไกลไปไหนก็ได้ แต่ขอให้รถไปถึง อิอิอิ....^_^ 



รูปข้างบนเป็นการวางแผนปักหมุดจุดที่เรา 1 คัน 4 คนจะตะลอนแหลมมลายูไปดูให้เห็นกับตากันครับ แต่ก็ไม่รู้เป็นอะไรก่อนการเดินทางมันจะต้องยุ่งซะเหลือเกิน กว่าจะได้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็ปาเข้าไปวันสุดท้ายก่อนเดินทางไม่ถึง 4 ชั่วโมง อันนี้ต้องขอบคุณ Giant Service ที่ช่วยเหลือจัดการให้ครับ

ว่าแล้วก็ได้ฤกษ์เบิกชัยออกเดินทางจากที่ทำงานเวลาประมาณ 15.30 น. ขบวนรถของเราจำนวน 1 คันก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ (เสียเวลาวนรถกลับบ้านไปเอาทะเบียนรถซะ 3 ชั่วโมง) แวะนอนพักกลางทางที่ จ.ประจวบฯ 1 คืน รวมแล้วใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก็มาถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แวะนอนพักที่ วี.แอล.หาดใหญ่อีกคืนก่อนข้ามแดน


น้องมด X และน้องหน่อย เพื่อนแห่ง VFC ที่เคยออกทริปกางเต้นท์นอนด้วยกันหลายครั้งแล้ว ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนายหัวสวนยางอยู่หาดใหญ่ ได้ให้เกียรติมาต้อนรับขับสู้ แถมยังเลี้ยงข้าวพวกเราอีก 1 มื้อ ที่ร้านเซาะอึ้ง (ร้านนี้แนะนำโดยคุณลูกกลิ้ง)


 รุ่งเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม 2556 จะเป็นวันแรกที่ผมได้ขับรถยนต์ข้ามแดนไปประเทศมาเลเซีย จากหาดใหญ่ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งลงใต้ไปทาง อ.สะเดา เพื่อข้ามแดนที่ด่านนอก  (ข้ามแดนได้อีกด่านคือด่านปาดังเบซาร์) 2 ประเทศนี้ 2 สไตล์ครับ บ้านเราทั้งผู้โดยสารและคนขับรถต้องลงไปตรวจลงตราหนังสือเดินทางเอง แต่ของประเทศมาเลเซียทั้งหมดให้อยู่ในรถไม่ต้องลง เพียงยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ที่ตู้คล้ายตู้ทางด่วนบ้านเรา รอรับหนังสือเดินทางกลับแล้วไปต่อได้เลย ส่วนการเตรียมเอกสาร วิธีการและขั้นตอนการข้ามแดนนั้น ผมขอไม่กล่าวไว้ในที่นี้ เนื่องจากมีหลายท่านได้แนะนำไว้มากแล้วลองถามกูเกิ้ลดูครับ

เสร็จจากด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็ถึงด่านศุลกากรซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สตรีถามผมประโยคเดียวว่าจะไปถึงไหน ผมตอบว่าไปถึงมะละกา ท่านก็ใจดีให้ผ่านไปโดยไม่เปิดท้ายรถผมดูด้วยซ้ำ ถ้าเปิดคงตกใจกับสัมภาระ 555 พ้นด่านศุลกากรมาแล้วก็หาที่จอดแถว ททท.มาเลเซีย ขอเอกสารแผนที่แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม (ขาออกบ้านเขา-ขาเข้าบ้านเรา) ข้างๆ JPJ (ขนส่งมาเลเซีย) จะมีร้านค้าเรียงรายแวะซื้อซิมโทรศัพท์แจกชาวคณะ ไปกัน 4 คน ซื้อ 3 ซิม เติมเงินเพิ่มเรียบร้อย หมดไปซิมละ 35 ริงกิต สบายใจออนไลน์ได้ตลอดละคราวนี้ เคลื่อนตัวออกไปไม่นานถึงด่านตรวจอีกละ คาดว่าน่าจะเป็นตำรวจชายแดน ขอให้เปิดท้ายท่านก็เอามือจิ้มๆกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ของผมอยู่ไม่นาน ก็บอกให้ไปต่อได้ เออ....ไม่ยากเหมือนที่อ่านมาเลยนี่นา ถนนเส้นที่ต่อกับทางหลวงหมายเลข 4 ของไทย คือถนนหมายเลย E1 ของมาเลเซีย ถนน E1 จะวิ่งลงใต้จนไปถึงเมืองกัวลาลัมเปอร์ครับ ซึ่งเราจะใช้ถนนเส้นนี้ไปตลอด

ช่วงนี้วุ่นวายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยครับ แถมกล้องหน้ารถโดนอัดทับซะนี่ เฮ้อ....

จากการคำนวณเรื่องน้ำมันทำให้เราต้องมองหาปํ๊มน้ำมันเป็นอย่างแรก แล้วก็ไม่ผิดหวังห่างจากด่านชายแดนมาไม่ถึง 5 กิโลเมตรก็เริ่มพบเห็นปั๊มน้ำมันกันแล้ว ไม่รอช้าเข้าไปเติมทันที จากข้อมูลทราบว่าที่มาเลเซียต้องเข้าไปจ่ายเงินค่าน้ำมันเสียก่อน โดยแจ้งจำนวนเงินค่าน้ำมันและเลขหัวจ่ายที่เราจอดรอเติมอยู่ แต่เนื่องากเป็นปั๊มชายแดนจึงอนุญาตให้เราเติมได้เพียง 40 ริงกิตต่อครั้งเท่านั้น


ที่มาเลเซียน้ำมันดีเซลลิตรละ 2 ริงกิต ประมาณลิตรละ 20 บาทครับ ถูกกว่าบ้านเรา 10 บาท เติมกันอย่างสบายใจ


เด็กเติมน้ำมันประจำทริป ช่วงท้ายทริปงอแงหน่อย เลยต้องลงไปเติมเองถึงรู้ว่าทำไมงอแง กลิ่นน้ำมันดีเซลติดมือนั่นเอง :(


ชมคลิปครับ จะเห็นได้ว่าสภาพถนนสมคำร่ำลือจริง ขับสบาย มีด่านเก็บเงินค่าทางด่วนเป็นระยะ ด่านแรกที่เจอเก็บเป็นเงินสดต้นทางเลย แต่ด่านที่เข้าไปข้างในจะใช้วิธีรับบัตรที่ต้นทางแล้วไปจ่ายตอนออกจากด่านปลายทางครับ

เราเสียเวลาข้ามแดนกันอยู่นาน กว่าจะออกจากด่าน ซื้อซิม เรียนรู้การเติมน้ำมัน ได้ขึ้นทางด่วนออกเดินทางกันจริงๆก็ปาเข้าไป 11 โมงแล้ว ขับไปตามถนน E1 ได้พักเดียวก็ต้องจอดแวะกินข้าวกลางวันกัน ที่มาเลเซียจะมีจุดแวะพักรถพักคนเป็นระยะ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือขนาดเล็ก มีเพียงที่จอดรถ ห้องน้ำ อาจมีปั๊มน้ำมัน, ขนาดกลาง มีที่จอดรถ ห้องน้ำ ปั๊มน้ำมัน ร้านค้าเล็กน้อย , ขนาดใหญ่ จะจัดเต็มครับ ซึ่งเราก็แวะ R&R ที่แรกที่เจอเลย 

ข้อเด่นของทางด่วนของมาเลเซียคือ มีป้ายบอกรายละเอียดชัดเจน และบอกเป็นระยะๆล่วงหน้า 5 , 2, 1 กิโลเมตร และ 500 เมตร เป็นลำดับ และในแต่ละทางออกจะมีเลขกำกับไว้ทุกทางออก โดยไม่ต้องจำว่าจะออกที่เมืองไหน เช่น ผมจะไปคาเมรอนฯ ก็จำว่าใช้ทางออกที่ 137 (Exit 137) จำง่ายดีครับ Exit จะเริ่มนับตั้งแต่กัวลาลัมเปอร์ไปจนสุดถนนนั้นๆ สาย E1 นี้ก่อนเข้าไทยถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Exit 183 ครับ


พี่พักขนาดใหญ่จะมีเครื่องหมาย R&R ให้ทราบและจะมีเป็นระยะทุก 70-80 กม.


เราแวะกัน Juru R&R แดดแรงจัดทีเดียว


เดินวนดูกันหลายรอบ จึงตกลงเลือกร้านนี้กันครับ


สถานที่เป็นแบบเปิดโล่ง มีพัดลมบริการ เนื่องจากเป็นตอนเที่ยงอากาศจึงร้อนอบอ้าวแต่พอทน


อาหารมาเลเซียมื้อแรกของคณะเรา ผมวางแผนไว้ว่าขาไปนี้ผมจะลงใต้ไปให้ลึกที่สุดก่อน แล้วค่อยย้อนขึ้นเหนือมาทีละน้อย โดยเมืองแรกที่จะแวะพักคือ "คาเมรอน ไฮแลนด์" ระหว่างทางจะแวะชมเมือง IPOH กันก่อน แต่เนื่องจากเวลาผิดพลาดไปมากผมเลยต้องข้ามเมือง IPOH ซึ่งเป็นเมืองที่ให้กำเนิดกาแฟ Old Town Coffee ชื่อดังของมาเลเซียไปอย่างน่าเสียดาย



เราออกจากทางด่วนที่ Exit 137 วนเข้าถนนหมายเลข A181 และเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 59 เพื่อเข้าเมืองบรินชางอีกที นับแต่ A181 ไปจะเป็นยาขมสำหรับคนเมารถครับ 


 ดูเส้นเหลืองครับ มันหงิกงอไปมา เอาเรื่องทีเดียว

 
ชมคลิปทางไปเมืองบรินชาง ฝนตกซะด้วย


16.00 น. บ้านเรา หรือ 17.00 น. บ้านเขา เราก็มาถึงที่พักแรก "Country Lodge Resort" แห่งเมืองบรินชาง, คาเมรอน ไฮแลนด์ โรงแรมนี้อยู่ใกล้ศูนย์กลางของเมืองบรินชางมาก แทบจะเดินไปได้ทีเดียว ระดับความสูงอยู่ที่ 1,500 ม.รทก. อากาศจึงเย็นสบาย โรงแรมที่เมืองนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศนะครับ ตกกลางคืนถึงกับหนาวทีเดียว

 
ขับรถไปกินสตีมโบ๊ตกันดีกว่าครับ


บรรยากาศศูนย์กลางเมืองบรินชาง


ว่าแล้วเราก็ต้องไปชิมอาหารแนะนำของที่นี่คือสุกี้มาเลฯ ไม่ใช่ครับ ที่นี่เขาเรียก "สตีมโบ๊ต" ครับ


ท่อยาวๆที่เห็น เพื่อไม่ให้ควันและสเก็ดไฟกระเด็นออกมารบกวนการกินครับ ที่นี่เขาใช้ถ่านจากไม้จริงๆครับ


 ผักเพียบกินกันไม่หมด มีเส้นบะหมี่สำเร็จรูปด้วย


อิ่มกันแล้วก็เดินย่อย ซื้อของใช้ ขนม น้ำอัดลม กันเล็กน้อย


มีอย่างนี้ขายด้วย ^_^

เสร็จสรรพก็ล่วงเข้าไป 4 ทุ่มกว่า จึงพากันกลับที่พักนอนเอาแรง พรุ่งนี้เราจะไปนั่งจิบชา กินขนม ชมไร่ชากันถึงเชิงเขากันเลยทีเดียว ส่วนวันนี้ขอราตรีสวัสดิ์ไปก่อนครับ


วันแรกนี้เราเดินทางไปทั้งหมด 429 กิโลเมตร ใช้เวลารวมทั้งหมดนับแต่เริ่มล้อหมุนจากหาดใหญ่จำนวน 9 ชั่วโมง 35 นาที
มาถึงตรงนี้ผมขอตัดเป็นตอนๆเพื่อไม่ให้เนื่้อหายาวจนเกินไปนักนะครับ แล้วพบกันตอนหน้าครับ

นายทัศนาจร ออนไลน์


พิกัด GPS
Juru R&R - N5.35314 E100.42049
Exit 137 - N4.52710 E101.13529
Country Lodge Resort - N4.49188 E101.38997
Steam Boat - N4.49194 E101.38858


ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 01 (หาดใหญ่-คาเมรอน ไฮแลนด์)

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 02 (คาเมรอน ไฮแลนด์)

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 03 (มะละกา)

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 04 (กัวลาลัมเปอร์)

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 05 (เก็นติ้ง ไฮแลนด์)

ขับเดี่ยวเที่ยวแหลมมลายู ตอนที่ 06-ตอนจบ (จอร์จทาวน์ ปีนัง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น